ข้อดีของการทำธุรกิจในประเทศสิงคโปร์

23.07.2024
ข้อดีของการทำธุรกิจในประเทศสิงคโปร์
ผู้เขียน

ข้อดีของการทำธุรกิจในประเทศสิงคโปร์

ประเทศสิงคโปร์ซึ่งมักได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย” เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเอเชียและในภูมิภาคอื่น ๆ สำหรับธุรกิจสตาร์ตอัปและธุรกิจระหว่างประเทศที่ต้องการขยายตลาดเข้ามาสู่ภูมิภาคนี้ โดยในปี 2563 สิงคโปร์ก็ได้แซงหน้าประเทศสหรัฐอเมริกาในด้านความสามารถในการแข่งขันระดับโลกเรียบร้อยแล้ว

บริษัทระดับโลกเหล่านี้คงเลือกไม่ผิดอย่างแน่นอน แต่อะไรล่ะที่ทำให้ธุรกิจระดับโลกทั้งรายเดิมและรายใหม่เลือกให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ? มาดูเหตุผลหลัก ๆ กันครับ

การดำเนินธุรกิจในสิงคโปร์มีความสะดวก

สิงคโปร์มีระบบเศรษฐกิจแบบเสรีที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่มีความคึกคักอย่างยิ่ง ซึ่งธนาคารโลกเองก็ได้ยืนยันเรื่องนี้ โดยได้จัดให้สิงคโปร์อยู่ในประเทศอันดับต้น ๆ ที่มีความสะดวกในการทำธุรกิจ

สิงคโปร์เป็นประเทศที่พร้อมรับกับการทำธุรกิจโดยเฉพาะ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ผนวกกับภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจและได้ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี ช่วยให้ทำธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ

การทำธุรกิจในสิงคโปร์นั้นไม่ได้ยุ่งยากเลย ไม่ยุ่งยากในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีกฎระเบียบควบคุม แต่หมายถึงมีระบบที่ถูกออกแบบมาให้การทำธุรกิจเป็นเรื่องง่าย ทั้งยังช่วยดูแลองค์กรธุรกิจไปด้วยพร้อม ๆ กัน ดังนั้นจึงไม่มีขั้นตอนที่ล่าช้าเกินความจำเป็น ยกตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจในสิงคโปร์ได้ภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน ในขณะที่ถ้าคุณเริ่มต้นธุรกิจในประเทศหรือในเขตอำนาจศาลอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะล่าช้ากว่านี้มาก

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนถูกขับเคลื่อนโดยรัฐบาลสิงคโปร์เอง มีการเสนอสิ่งจูงใจ รวมถึงให้การสนับสนุนธุรกิจรายใหม่ ๆ และบริษัทต่างชาติให้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศ ทั้งยังมีเงินสนับสนุนและโครงการต่าง ๆ ที่มาช่วยส่งเสริมด้านนวัตกรรมและการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี อีกทั้งมีการส่งเสริมผู้มีความสามารถในประเทศ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก

เศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์

เศรษฐกิจของสิงคโปร์มีความมั่นคงและยืดหยุ่น แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้งมีการควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี

อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหมายความว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งและมั่นคง มีแรงงานที่มีทักษะสูงมากมายที่ช่วยดึงดูดบริษัทต่างชาติ ซึ่งระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงของสิงคโปร์ถือเป็นรากฐานของกำลังแรงงานเหล่านี้ ประกอบกับนโยบายการย้ายถิ่นฐานที่เอื้อให้เหล่านักลงทุนได้ประโยชน์จากแรงงานที่มีความสามารถทั้งจากในประเทศและจากทั่วโลก แรงงานส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษ ช่วยให้ผู้คนจากหลายเชื้อชาติสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย

รัฐบาลสิงคโปร์ไม่มีหนี้สาธารณะจากภายนอกประเทศ และมุ่งเน้นการลงทุนในต่างประเทศที่มีพื้นฐานมั่นคง นอกจากนี้ยังให้เงินอุดหนุนประชาชนในด้านสุขภาพ, การคมนาคม, การศึกษา, และที่อยู่อาศัย แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่มีความมั่นคงและแข็งแกร่ง

ระบบการทำธุรกิจในสิงคโปร์มีความโปร่งใส ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ มีความเสี่ยงต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ทำให้เป็นประเทศที่มีเสถียรภาพ แต่ยังมีความเป็นพลวัต เหมาะกับธุรกิจทั้งรายใหม่และรายเดิมที่มองหาโอกาสการทำธุรกิจในระยะยาว

รัฐบาลสิงคโปร์

รัฐบาลสิงคโปร์มีความโปร่งใส และมีความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคง ทำให้สภาพแวดล้อมการทำธุรกิจมีความเสถียรและสามารถคาดการณ์ได้ ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถลงทุนในสิงคโปร์ในระยะยาวได้อย่างมั่นใจบนพื้นฐานที่มีความปลอดภัยและแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าสิงคโปร์มีความมั่นคงทางการเมืองอีกด้วย

รัฐบาลสิงคโปร์มีกรอบกฎหมายและกฎระเบียบที่ชัดเจน ทั้งยังมุ่งมั่นในการต่อต้านการทุจริต การจัดตั้งบริษัทใหม่ การขอใบอนุญาต หรือการปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาคส่วนต่าง ๆ นั้นมีความรวดเร็ว ไม่มีขั้นตอนทางราชการที่ยุ่งยาก แต่ยังคงมีการดูแลให้มีความปลอดภัย

ดังนั้นสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในสิงคโปร์จึงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียและในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

ภูมิทัศน์ด้านการเงินในสิงคโปร์

บริษัทที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจหรือขยายธุรกิจในสิงคโปร์จะพบว่า สิงคโปร์นั้นมีภูมิทัศน์ด้านการเงินที่มีการพัฒนาไปในระดับสูง โดยมีสถาบันการเงินหลัก ๆ ที่พร้อมให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการการทำธุรกิจในทุก ๆ ด้าน

ตามกฎหมายปัจจุบันแล้ว นักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นบริษัทได้ 100% โดยไม่จำเป็นต้องมีหุ้นส่วนหรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่เป็นคนในประเทศ สามารถนำกำไรกลับประเทศได้ไม่จำกัด และไม่มีข้อจำกัดในการนำเข้าหรือส่งออกเงินตราต่างประเทศออกจากสิงคโปร์ จึงเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับกฎเกณฑ์ด้านภาษีของประเทศอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อน

ระบบภาษีที่เอื้ออำนวยก็เป็นหนึ่งในลักษณะเด่นของภูมิทัศน์ด้านการเงินของประเทศสิงคโปร์ โดยไม่มีการเก็บภาษีจากเงินปันผลหรือกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจ และภาษีที่เรียกเก็บนั้นก็จะมีโครงสร้างแบ่งออกเป็นหลายระดับ

ธุรกิจรายใหม่จะได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นอย่างมากในช่วงสามปีแรก โดยรายได้ 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์แรกนั้นจะมีอัตราภาษี 0% นอกจากนี้เมื่อต้องมีการเก็บภาษี อัตราภาษีสูงสุดสำหรับบริษัทจะมีการจำกัดอัตราภาษีสูงสุดที่ 17%

สิงคโปร์มีการทำข้อตกลงยกเว้นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (DTAs) กับประเทศอื่น ๆ มากกว่า 50 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญทั่วโลก ข้อตกลง DTA เป็นข้อตกลงระหว่างสองประเทศที่ช่วยป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อนเมื่อมีการโอนรายได้ไปมาระหว่างสองประเทศ

สิงคโปร์มีระบบกฎหมายที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับ และยังมีกฎหมายการต่อต้านการรับสินบนที่มีความเข้มงวด เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความโปร่งใสในการบริหารงานของสิงคโปร์ โดยสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชันน้อยที่สุดอันดับสาม ในการจัดอันดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index) ในปี 2561 ที่จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International)

การขนส่งและโลจิสติกส์

สิงคโปร์มีโครงสร้างพื้นฐานด้านท่าเรือที่มีการพัฒนาอย่างมาก และเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศที่มีความสำคัญ และเนื่องจากเศรษฐกิจของสิงคโปร์พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก สิงคโปร์จึงได้กลายมาเป็นผู้เล่นรายหลักของห่วงโซ่อุปทานระดับโลก เนื่องจากมีเส้นทางการขนส่งและโครงสร้างต่าง ๆ ที่มีความพร้อม สิงคโปร์เป็นสมาชิกองค์กรการค้าโลกตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2538 และสิงคโปร์ได้รักษาอุปสรรคทางการค้าให้อยู่ในระดับต่ำโดยเสมอมา เพื่อเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีความเปิดกว้างและมุ่งสู่ตลาดภายนอก

สิงคโปร์มีสนามบินนานาชาติที่ล้ำสมัย และมีระบบทางหลวงที่มีการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ

ตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ทำให้สามารถเข้าถึงศูนย์กลางทางธุรกิจอื่น ๆ เช่น จีน, อินเดีย, มาเลเซีย, และออสเตรเลียได้ การเชื่อมต่อทางการค้าในภูมิภาคนี้เป็นเรื่องง่ายดายและมีความพร้อม เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการตั้งถิ่นฐานทางธุรกิจเพื่อขยายตลาดในเอเชีย

สิงคโปร์มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมด้านใด?

สิงคโปร์มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเฉพาะด้านหลาย ๆ อย่าง เช่น เทคโนโลยี, เทคโนโลยีชีวภาพ, ฟินเทค, พลังงานสะอาด, และการวิจัย รัฐบาลสิงคโปร์ได้ผลักดันอุตสาหกรรมเหล่านี้โดยการสนับสนุนด้านการเงินและมอบสิ่งจูงใจ พัฒนาทักษะของคนในประเทศ และดึงดูดธุรกิจจากต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะยาวในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน และรักษาเศรษฐกิจของประเทศไว้

ในด้านเทคโนโลยีชีวภาพและเภสัชกรรม สิงคโปร์เป็นที่ตั้งของ Pfizer และ GSK ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้มีการดำเนินงานสำคัญ ๆ ในประเทศสิงคโปร์ และยังมีศูนย์วิจัยชั้นนำอย่าง Biopolis ที่มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์มีความน่าสนใจ

สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี และคาดว่าจะมีรายได้จากอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) มากกว่า 714 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2568 จากการสำรวจโดย KPMG ซึ่งได้สำรวจจากผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 800 คนทั่วโลกพบว่า สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับสูงสุดในระดับนานาชาติในปี 2563 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านนวัตกรรมที่ดีที่สุดนอกซิลิคอนวัลเลย์

รัฐบาลสิงคโปร์สนับสนุนด้านการเงินและมอบสิ่งจูงใจใดบ้าง?

  • Pioneer Certificate Incentive (PC) & Development and Expansion Incentive (DEI) โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศสิงคโปร์ได้
  • The Finance & Treasury Centre (FTC) ส่งเสริมให้ธุรกิจต่าง ๆ พัฒนาความสามารถด้านการจัดการการเงิน และการดำเนินกิจกรรมทางการเงินเชิงกลยุทธ์ในประเทศสิงคโปร์
  • โครงการ Tech@SG ช่วยส่งเสริมให้บริษัทที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วได้ขยายโอกาสทางธุรกิจ โดยการเข้าถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลก
  • Pass เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีเดินทางเข้ามาที่สิงคโปร์ เพื่อมีส่วนร่วมในนวัตกรรมแนวหน้าและนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกได้

Tech.Pass เป็นวีซ่าที่ดำเนินการและออกโดยคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (SEDB)

  • The Research and Innovation Scheme for Companies ช่วยให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์และกระบวนการทางธุรกิจภายในประเทศ

การทำธุรกิจในสิงคโปร์มีความท้าทายหรือมีข้อเสียอะไรบ้าง?

ไม่มีสถานที่ใดในโลกที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจยังต้องคำนึงถึงจุดอ่อนหรือปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจใหม่หรือธุรกิจที่กำลังเติบโต ซึ่งแม้ปัญหาเหล่านี้อาจไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด แต่เราก็ควรทราบปัญหาเหล่านี้ไว้

  • บริษัทใหม่ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ต้องมีกรรมการบริษัทอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยหลาย ๆ ธุรกิจหลีกเลี่ยงข้อกำหนดนี้ด้วยการใช้บริการเลขานุการบริษัทเพื่อจัดหากรรมการบริษัทตัวแทน
  • สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความมั่งคั่ง แต่การทำธุรกิจที่นี่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในโลก ค่าครองชีพที่สูง ผนวกกับตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง ทำให้เงินเดือนสูงมากขึ้น ที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์มีราคาแพง และมีขั้นตอนในการจดทะเบียนที่ยุ่งยาก
  • สิงคโปร์มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ดังนั้นการเข้าใจและเคารพวัฒนธรรมเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ ทว่าใช้เวลาเพียงเล็กน้อยคุณก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับความแตกต่างทางวัฒนธรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร

สรุป

แม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศเกาะขนาดเล็ก แต่กลับมีอิทธิพลอย่างยิ่งในเวทีการค้าโลก โดยมีปัจจัยหลาย ๆ ประการที่ถูกผนวกเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการค้าที่น่าดึงดูดและเอื้อต่อการทำธุรกิจ อีกทั้งยังมีความสมดุลด้านเสรีภาพและกฎระเบียบต่าง ๆ จากนโยบายรัฐ, กฎหมาย, ภาษี, และตำแหน่งที่ตั้งในการทำธุรกิจ

ในปี 2566 สิงคโปร์ยังคงเป็นผู้นำด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในระดับโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 15 จากการจัดอันดับประจำปีของสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง (EIU) โดยคาดการณ์ว่าสิงคโปร์จะยังครองตำแหน่งนี้ไปอีก 5 ปีข้างหน้า

สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับธุรกิจสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการรายใหม่ รวมถึงธุรกิจรายเดิมที่ต้องการขยายตลาดมายังภูมิภาคเอเชีย หากคุณสนใจที่จะทำธุรกิจในสิงคโปร์ สามารถติดต่อเราเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้เลยครับ

Jeremy Cheong
ผู้เขียน

Jeremy Cheong

WhatsApp

+65 8800 8074

บทความที่คล้ายกัน

ช่องทางติดต่อ

โทรหาเรา
+65 6206 5200
ติดต่อเรา:

Raffles Place

6 Battery Road, #11-01A,
Singapore, 049909
ดูบน Google Maps
เวลาทำการนัดหมาย
จันทร์ - ศุกร์: 09.00-17.00 น.

Google Rating
4.7
Based on 58 reviews
js_loader